เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้เชี่ยวชาญและหุ้นส่วนภาคการผลิตข้าว จำนวนกว่า 50 คนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ เข้าร่วมประชุมเวทีออนไลน์ในหัวข้อ “การจัดหาเงินทุนสนับสนุนข้าวอย่างยั่งยืนในประเทศไทย” (Financing Sustainable Rice in Thailand) เพื่อระดมสมอง แลกเปลี่ยนมุมมองและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการจัดหาเงินทุนและแนวทางการพัฒนานวัตกรรม เพื่อผลักดันการปลูกข้าวอย่างยั่งยืนในประเทศไทยและภูมิภาค
กิจกรรมในครั้งนี้จัดโดยโครงการริเริ่มภูมิทัศน์ข้าวอย่างยั่งยืน (Sustainable Rice Landscapes Initiative: SRLI) และแพลตฟอร์ม Just Rural Transition ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความท้าทายในห่วงโซ่อาหาร ร่วมกับสภาธุรกิจโลกเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (World Business Council for Sustainable Development) เวทีเพื่อการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน (Sustainable Rice Platform: SRP) องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization) โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme) สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ (International Rice Research Institute) และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทย (Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit GmbH)
ปัจจุบันภาคเกษตรกรรมของไทยคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 6.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั้งหมด สัดส่วนของภาคการผลิตข้าวอยู่ที่ร้อยละ 13 เท่านั้น ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้นทั้งในด้านการแข่งขันทางเศรษฐกิจและความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ กรมการข้าวได้จัดสรรงบประมาณสำหรับการวิจัยและส่งเสริมการปลูกข้าวที่ไม่เพียงเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคหรือความมั่นคงด้านอาหารเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการผลักดันนโยบายเพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านการสนับสนุนทางการเงินและเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง อาทิ การให้เงินอุดหนุนสำหรับค่าบริการสำหรับการปรับระดับที่ดินด้วยเลเซอร์ (Laser Land Levelling: LLL) ค่าเบี้ยประกันภัย ค่าลงทุนเชิงโครงสร้าง รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมและส่งเสริมการผลิตข้าวตามมาตรฐานการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน (SRP)
ดร.อภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย ที่ปรึกษาอธิบดีกรมการข้าว กล่าวในหัวข้อเรื่อง “โครงสร้างพื้นฐานและความต้องการด้านการจัดหาเงินทุนสำหรับประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการทำนาในประเทศไทย” (Climate Change and Rice Farming with a Focus on Financing Needs and the Climate Financing Infrastructure in Thailand)
รัฐบาลไทยได้ดำเนินนโยบายแก้ปัญหาความต้องการทางการเงิน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภาคการเกษตร สนับสนุนเกษตรกรรายย่อยในการปลูกข้าวอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดภาวะโลกร้อนจากการทำนาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Thai Rice NAMA) ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมการข้าวและองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทย หนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางการปลูกข้าวของเกษตรกรไทยกว่า 100,000 ราย ใน 6 จังหวัดภาคกลาง ทั้งยังสนับสนุนงบประมาณทางการเงิน เพื่อการลงทุนในเทคโนโลยีการเกษตรและค่าอุปกรณ์สำหรับการปรับระดับที่ดินด้วยเลเซอร์ (LLL) ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งช่วยให้เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพในการทำนาอย่างยั่งยืนได้
บริษัท โอแลม (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำตัวบ่งชี้ตามมาตรฐานการผลิตข้าวที่ยั่งยืน (SRP) มาใช้ในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทตั้งแต่ปี 2558 ภายใต้การดำเนินโครงการตลาดนำการผลิตเพื่อเกษตรกรรายย่อย (Market-Oriented Smallholder Value Chain: MSVC หรือ BRIA II) ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอย่างกรมการข้าว และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทย มีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการพัฒนาความเป็นอยู่ของเกษตรกรรายย่อยและนำเอาแนวทางการทำนาที่ปล่อยคาร์บอนต่ำไปในพื้นที่เกษตรกรรมทางภาคอีสานของประเทศ จากดำเนินการโครงการมากว่า 6 ปี นำไปสู่การทำนาที่ลดการใช้ไนโตรเจนและฟอสเฟตได้สูงสุดถึงร้อยละ 30 และร้อยละ 60 ตามลำดับ นับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปริมาณสารตกค้างในแหล่งน้ำจืดของชุมชน ทั้งยังช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลตอบแทนให้กับเกษตรกรได้มากถึงร้อยละ 10 คุณนราวดีกล่าว