ช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นช่วงเวลาทองของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟโรบัสตาในจังหวัดชุมพร ระนองและจังหวัดใกล้เคียงเพราะเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยว และซื้อ-ขายผลผลิตเมล็ดกาแฟ
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกำลังส่งผลกระทบโดยตรงกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟโรบัสตา เนื่องจากฤดูกาลเก็บเกี่ยวปีล่าสุดคือช่วงปลายปีพ.ศ. 2566 ถึงต้นปีพ.ศ. 2567 เมล็ดกาแฟสุกช้า ทำให้ตารางการเก็บเกี่ยวของเกษตรกรต้องล่าช้าออกไป ผลผลิตยังลดลงด้วย ทำให้ราคารับซื้อกาแฟสูงกว่าปีก่อน ๆ ซึ่งจะเริ่มเก็บผลผลิตได้ในเดือนตุลาคม
โครงการคอฟฟี่ดับเบิ้ลพลัสประเทศไทย โดย บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด และ GIZ จึงได้จัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กับเกษตรกรที่มาขายกาแฟที่ศูนย์รับซื้อกาแฟสวี จังหวัดชุมพร และศูนย์รับซื้อกาแฟกระบุรี จังหวัดระนอง ช่วงระหว่างเดือนมกราคม ถึงกลางเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรได้ตระหนักถึงสาเหตุและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อการปลูกกาแฟโรบัสตา
โครงการฯได้ทำการสาธิตการทดสอบความคงตัวของเม็ดดิน เพื่อให้เกษตรกรเห็นความคงทนและการเกาะยึดของเม็ดดินและเห็นความแตกต่างระหว่างดินที่มีสุขภาพดี กับดินทั่วไปที่มีอินทรียวัตถุต่ำ นอกจากนี้ยังได้ทำการสาธิตแบบจำลองน้ำฝน ซึ่งเป็นการสาธิตการซึมของน้ำผ่านดินที่มีความคงตัวของเม็ดดินต่างกัน เพื่อดูความแตกต่างของความคงตัวของเม็ดดิน
การสาธิตทั้งสองแบบช่วยให้เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญของการบำรุงดิน เพราะเมื่อมีการชะล้างของฝน การพังทลายของหน้าดินก็จะมีความแตกต่างกันตามคุณภาพของดิน เพราะดินคือปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการปลูกพืชทุกชนิด การเจริญเติบโตและผลผลิตของต้นกาแฟ
เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู เป็นรูปแบบการทำเกษตรที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่เพาะปลูกและระบบนิเวศ ซึ่งมอบคุณประโยชนที่หลากหลายต่อเกษตรกร สังคม และสิ่งแวดล้อม เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟูมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์และธาตุอาหารในดิน ในขณะเดียวกันก็ช่วยตรึงคาร์บอนและชีวมวลรูปแบบต่างๆ ไว้ในดินซึ่งมีส่วนช่วยในการลดปริมาณคาร์บอนที่อยู่ในบรรยากาศและลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟูยังช่วยให้ระบบการผลิตมีความทนทานต่อผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม ศัตรูพืชหรือโรคพืชมากขี้น และลดการพึ่งพาสารเคมีอันตรายได้ ดังนั้นเกษตรกรรเชิงฟื้นฟูจะช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับตัวสําหรับพื้นที่ที่ใช้ในการเกษตรให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศช่วยลดความเสี่ยงของเกษตรกรจากผลกระทบทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เช่นความผันผวนของตลาด การเพิ่มขึ้นของราคาปัจจัยการผลิต ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกร ■