
เมื่อวันที่ 20-21 มีนาคม พ.ศ. 2568 ที่เวทีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อวางแผนการดำเนินงานเพิ่มศักยภาพด้านการเงิน สีเขียวของโครงการเพิ่มศักยภาพการปลูกข้าวที่เท่าทันต่อภูมิอากาศ (Thai Rice: Strengthening Climate-Smart Rice Farming หรือ Thai Rice GCF) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมกับ GIZ ประจำประเทศไทย พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการการเกษตรจากสถาบันรับเชิญ ได้ร่วมกันออกแบบหลักสูตรการอบรมความรู้และทักษะทางการเงินและการลงทุนเพื่อการเกษตรที่เท่าทันต่อภูมิอากาศสำหรับเกษตรกร
การพัฒนาหลักสูตรใหม่ครั้งนี้มุ่งปรับความเหมาะสมให้เข้ากับเกษตรกรในพื้นที่เพาะปลูกที่แตกต่างหลากหลาย เน้น การนำไป ปฏิบัติใช้ได้จริง ช่วยให้เกษตรกรมีพื้นฐานความรู้ความเข้าใจด้านการเงิน เพื่อเตรียมความพร้อมในการปรับตัว และลงทุนใน เทคโนโลยีการเกษตรที่เท่าทันต่อภูมิอากาศในระยะยาว
การประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้จัดขึ้นที่กาลนาน ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท จังหวัดนนทบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อถอดบทเรียนจากการ ดำเนินงานด้านการเงินที่ผ่านมาและระดมแนวทางพัฒนาต่อยอดแผนงานที่จะดำเนินการต่อไปในภายภาคหน้า ทั้งในรูปแบบ การจัดอบรมความรู้และทักษะทางการเงินและการรับมือกับความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การออกมาตรการ เงินอุดหนุนที่ส่งเสริมการปลูกข้าวที่เท่าทันต่อภูมิอากาศ (Climate-Smart Incentive หรือ CSI) และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด 40 ท่านจากหลากหลายหน่วยงานได้แก่ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่และสำนักงานภูมิภาค GIZ ประจำประเทศไทย มูลนิธิธนาคารออมสินเยอรมันเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ (DSIK) และสถาบันการจัดการ ปัญญาภิวัฒน์ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และวางแผนและพัฒนาหลักสูตรอบรมความรู้และทักษะทางการเงินภายใต้ โครงการ Thai Rice GCF พร้อมทั้งทบทวนผลการดำเนินงานการจัดอบรมทางการเงิน ผ่านการถอดบทเรียนและ ประสบการณ์จากโครงการพัฒนาเครื่องมือทางการเงินเพื่อการปรับตัวตามความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศในภาคการเกษตรในภูมิภาคอาเซียน (AgriCRF) วิเคราะห์ปัจจัยที่เอื้อต่อการดำเนินงานและความท้าทาย เพื่อร่วมกันพัฒนาและ ผลักดัน แนวทาง ที่ เหมาะสมกับการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ทางการเงินและเกษตรกรในทุกระดับ ให้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปฏิบัติงานภายใต้ โครงการ Thai Rice GCF พร้อมนำไปขยายผลและปฏิบัติใช้ในระดับประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โครงการ Thai Rice GCF ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (Green Climate Fund: GCF) และ กระทรวงความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ) เพื่อส่งเสริมให้ภาคการปลูกข้าวในประเทศไทยสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่เกษตรวิถีใหม่ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายในระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2567–2571) มีพื้นที่เป้าหมายครอบคลุม 21 จังหวัด


กิจกรรมในวันแรกเป็นการถอดบทเรียนจากประสบการณ์การดำเนินงานด้านการเงินผ่านกรณีศึกษาโครงการ AgriCRF ที่ GIZ ประจำประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินงาน ผ่านการสนับสนุนจากกระทรวงความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ) เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงินของเกษตรกร และเสริมสร้างศักยภาพในการรับมือกับความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เมื่อกลางปี พ.ศ.2567 โครงการ AgriCRF ได้จัดทำหลักสูตรที่ครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับความรู้ทางการเงิน ความเสี่ยงด้านภูมิอากาศและการเข้าถึงบริการทางการเงินที่คำนึงถึงมิติทางเพศอย่างเท่าเทียม พร้อมจัดอบรมวิทยากร (Training of Trainers: TOT) ให้กับเจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส. จำนวน 40 คน และขยายผลสู่การอบรมเกษตรกรในพื้นที่ 3 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ เชียงใหม่ บุรีรัมย์ และเชียงราย มีเกษตรกรสมาชิกโครงการที่ได้รับการอบรมแล้วรวมทั้งสิ้น 379 คน


สำหรับแนวทางดำเนินงานด้านการเงินสีเขียว ภายใต้โครงการ Thai Rice GCF ได้รับวงเงินสนับสนุนจำนวนประมาณ 343 ล้านบาท (9 ล้านยูโร) ผ่าน ธ.ก.ส. ในฐานะหน่วยงานปฏิบัติการ เพื่อสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่เป้าหมาย 21 จังหวัด ครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน ได้แก่
- การพัฒนาหลักสูตรความรู้และทักษะทางการเงินที่ออกแบบให้เหมาะสมกับเกษตรกรในที่พื้นที่เพาะปลูกที่แตกต่างและหลากหลาย
- มาตรการเงินอุดหนุน (Climate Smart Incentive) เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรเกิดแรงจูงใจในการนำบริการและเทคโนโลยีที่เท่าทันต่อภูมิอากาศมาปรับใช้ในพื้นที่เพาะปลูกของตน
- มาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการลงทุนในเทคโนโลยีการปลูกข้าวที่เท่าทันต่อภูมิอากาศ (Climate-Smart Loans: CSL)


ในวันที่สองของการประชุม ผู้แทนจาก ธ.ก.ส. และ GIZ ได้ร่วมอภิปรายเชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนากลไกมาตรการเงินอุดหนุน (Climate-Smart Incentive: CSI) โดยมีการนำเสนอกรอบแนวคิด คู่มือปฏิบัติงานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็น สำคัญ อาทิ คุณสมบัติของผู้สมัคร เกณฑ์การคัดเลือก ขั้นตอนและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนบทบาทหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ ในแต่ละฝ่าย เพื่อให้แนวทางการดำเนินงานมีความชัดเจนและสามารถนำไปใช้ได้จริง พร้อมกันนี้ยังได้หารือเรื่องแผนการทำนา (Farm Management Plan: FMP) และรายงานความก้าวหน้า (Farm Management Plan Progress: FMPP) ซึ่งใช้ในการดำเนินมาตรการเงินอุดหนุน CSI สำหรับติดตามการนำเทคโนโลยีการเกษตรที่เท่าทันต่อภูมิอากาศมาปฏิบัติใช้ โดยผู้เข้าร่วมได้เสนอข้อคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์เพื่อให้กระบวนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


ก่อนจบการประชุม ดร.เธียรเอก ติยพงศ์พัฒนา ผู้ดำเนินกิจกรรม กล่าวสรุปแนวทางการดำเนินงานตามที่ผู้เข้าอมรมได้ร่วมตกลงกันไว้ พร้อมกล่าวถึงแผนการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพิ่มเติมที่จะจัดขึ้นในเร็ว ๆ นี้โดยจะมีผู้แทนจากกรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร ธ.ก.ส. และ GIZ เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อหารือเชิงกลยุทธ์ในลำดับต่อไป ■